สาวสหรัฐฯ วัย 32 เผยชีวิตเคยไม่มีเงิน ต้องทานอาหารฟรีในปั๊ม กลางคืนจุดเทียนแทนแสงไฟ ก่อนชีวิตพลิกออมเงินได้กว่า 1.4 ล้าน ภายใน 3 ปีครึ่ง
เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า เรย์จคา แอล วัย 32 ปี เปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุดลำบากที่ต้องกินอาหารฟรีในปั๊มน้ำมัน จุดเทียนแทนการใช้ไฟอยู่หลายปี เพื่อเอาตัวรอดในช่วงวัยรุ่น ก่อนจะพลิกชีวิตสามารถเก็บเงินได้กว่า 44,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.4 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงสามปีครึ่ง แอล สาวจากรัฐฟลอริดา สหรัฐ เล่าว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวยากจน และต้องเลี้ยงดูตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปี เธอต้องขายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ไม่ใช้ไฟฟ้าและอยู่ด้วยแสงเทียน
หรือแม้แต่กินอาหารตัวอย่างฟรีจากปั๊มน้ำมันเพื่อประทังชีวิต บางครั้งถึงขั้นต้องนอนบนโซฟาเพื่อน หรือใช้รถยนต์เป็นที่หลับนอน บางครั้งเธอเหลือเงินเพียงไม่ถึง 3 บาทในบัญชี และต้องรอกว่าเงินเดือนใหม่จะออก ซึ่งเธอต้องพึ่งอาหารตัวอย่างฟรีจากปั๊มน้ำมันถึงจะรอดมาได้
ในวัย 23 ปี แอลได้งานที่ทาร์เก็ตและเริ่มเช่าห้องอยู่ร่วมกับเพื่อน แต่ยังคงใช้ชีวิตแบบประหยัดสุดๆ อย่าง ต้องกินพิซซ่าที่เหลือจากปาร์ตี้ที่ทำงาน หรือซื้อเสื้อผ้าใส่แล้วเก็บป้ายไว้ เพื่อนำไปคืนเพราะไม่มีเงินซื้อจริง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่ออายุ 26 ปี เธอได้งานเป็นผู้ช่วยนักบำบัดจากการที่หัวหน้างานให้โอกาส จากนั้นในปี 2019 ได้พบกับสามี และสามารถศึกษาต่อจนจบปริญญาด้านจิตวิทยาผ่านมหาวิทยาลัยออนไลน์ในปี 2021
จากนั้น แอลกับสามีย้ายไปอยู่เมืองมันเดล ประเทศนอร์เวย์เมื่อ 2 ปีก่อน และมีลูกหนึ่งคนวัย 3 ขวบ ปัจจุบันเธอทำงานเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์และนักเขียน รายได้เฉลี่ย 7,000–7,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.25-2.42 แสนบาท) ต่อเดือนก่อนหักภาษี
แม้ชีวิตจะมั่นคงแล้ว แต่เธอยังรู้สึกผิดเวลาต้องซื้อของ ไม่ทำผม ทำเล็บ หรือแต่งหน้า เพราะมองว่าเป็นการใช้เงินสิ้นเปลือง และแทบไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านเลย
ทุกเดือนแอลจะทำตารางรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด และแบ่งไว้ 13,000-16,000 บาทสำหรับใช้จ่ายเพื่อความสุข ส่วนที่เหลือเก็บเข้าบัญชีออมและลงทุน โดยเธอเลือกลงทุนในบัญชีดอกเบี้ยสูงและทำงานที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตาม แอลกล่าวทิ้งท้ายว่า ครั้งหนึ่งฉันเคยมีรายได้น้อยกว่า 32,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้เรามีเงินเก็บกว่า 1.45 ล้านบาทแล้ว เธออยากให้คนที่กำลังลำบากรู้ว่า “ถึงคุณจะเกิดมาในสถานการณ์ที่ยากจน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่แก้ไม่ได้ และคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยค่าเพราะปัญหาการเงิน ไม่มีอะไรน่าอายเลย”

ภาพประกอบ
ที่มา
สาววัย 32 ชีวิตพลิก จากไม่มีเงิน ทานอาหารฟรีในปั๊ม สุดท้ายเก็บเงินได้กว่า 1.4 ล้าน
เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า เรย์จคา แอล วัย 32 ปี เปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุดลำบากที่ต้องกินอาหารฟรีในปั๊มน้ำมัน จุดเทียนแทนการใช้ไฟอยู่หลายปี เพื่อเอาตัวรอดในช่วงวัยรุ่น ก่อนจะพลิกชีวิตสามารถเก็บเงินได้กว่า 44,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.4 ล้านบาท ภายในเวลาเพียงสามปีครึ่ง แอล สาวจากรัฐฟลอริดา สหรัฐ เล่าว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวยากจน และต้องเลี้ยงดูตัวเองตั้งแต่อายุ 18 ปี เธอต้องขายเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด ไม่ใช้ไฟฟ้าและอยู่ด้วยแสงเทียน
หรือแม้แต่กินอาหารตัวอย่างฟรีจากปั๊มน้ำมันเพื่อประทังชีวิต บางครั้งถึงขั้นต้องนอนบนโซฟาเพื่อน หรือใช้รถยนต์เป็นที่หลับนอน บางครั้งเธอเหลือเงินเพียงไม่ถึง 3 บาทในบัญชี และต้องรอกว่าเงินเดือนใหม่จะออก ซึ่งเธอต้องพึ่งอาหารตัวอย่างฟรีจากปั๊มน้ำมันถึงจะรอดมาได้
ในวัย 23 ปี แอลได้งานที่ทาร์เก็ตและเริ่มเช่าห้องอยู่ร่วมกับเพื่อน แต่ยังคงใช้ชีวิตแบบประหยัดสุดๆ อย่าง ต้องกินพิซซ่าที่เหลือจากปาร์ตี้ที่ทำงาน หรือซื้อเสื้อผ้าใส่แล้วเก็บป้ายไว้ เพื่อนำไปคืนเพราะไม่มีเงินซื้อจริง
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่ออายุ 26 ปี เธอได้งานเป็นผู้ช่วยนักบำบัดจากการที่หัวหน้างานให้โอกาส จากนั้นในปี 2019 ได้พบกับสามี และสามารถศึกษาต่อจนจบปริญญาด้านจิตวิทยาผ่านมหาวิทยาลัยออนไลน์ในปี 2021
จากนั้น แอลกับสามีย้ายไปอยู่เมืองมันเดล ประเทศนอร์เวย์เมื่อ 2 ปีก่อน และมีลูกหนึ่งคนวัย 3 ขวบ ปัจจุบันเธอทำงานเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์และนักเขียน รายได้เฉลี่ย 7,000–7,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.25-2.42 แสนบาท) ต่อเดือนก่อนหักภาษี
แม้ชีวิตจะมั่นคงแล้ว แต่เธอยังรู้สึกผิดเวลาต้องซื้อของ ไม่ทำผม ทำเล็บ หรือแต่งหน้า เพราะมองว่าเป็นการใช้เงินสิ้นเปลือง และแทบไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้านเลย
ทุกเดือนแอลจะทำตารางรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด และแบ่งไว้ 13,000-16,000 บาทสำหรับใช้จ่ายเพื่อความสุข ส่วนที่เหลือเก็บเข้าบัญชีออมและลงทุน โดยเธอเลือกลงทุนในบัญชีดอกเบี้ยสูงและทำงานที่บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายในเมืองใหญ่
อย่างไรก็ตาม แอลกล่าวทิ้งท้ายว่า ครั้งหนึ่งฉันเคยมีรายได้น้อยกว่า 32,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้เรามีเงินเก็บกว่า 1.45 ล้านบาทแล้ว เธออยากให้คนที่กำลังลำบากรู้ว่า “ถึงคุณจะเกิดมาในสถานการณ์ที่ยากจน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่แก้ไม่ได้ และคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกด้อยค่าเพราะปัญหาการเงิน ไม่มีอะไรน่าอายเลย”
ภาพประกอบ
ที่มา